เป็นล่ามพาคนญี่ปุ่นไปตรวจโควิด
ในช่วงเวลาโควิดนี้ ผมขอบันทึกเหตุการณ์ที่ผมเข้าไปเกี่ยวข้องกับผู้ป่วยโควิดที่เป็นคนญี่ปุ่นหน่อยครับ
อาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้มีประสบการณ์พาคนญี่ปุ่นที่ติดโควิดไปตรวจเช็คยืนยันผลPCR และพาเข้าโรงพยาบาลมา
จะมาแชร์ประสบการณ์ให้ฟังนะครับ เกี่ยวกับขั้นตอน และสิ่งที่ล่ามจะต้องเตรียมตัว ในการพาคนญี่ปุ่นไปร.พ.
เรื่องเริ่มมาจากคนญี่ปุ่นท่านนึง มีไข้ ปวดเมื่อกล้ามเนื้อ และคิดว่าอาจจะติดโควิดเลยทำการ สวอปเทส ด้วยATK(Antigen Test Kit)ไป
ปรากฏว่าติดผลเป็นบวก
ญี่ปุ่นท่านนั้นเลยจะเดินทางมาตรวจคอนเฟิร์มด้วยPCR แต่รพ.ที่มีระบบต้อนรับคนไข้ญี่ปุ่นเค้าไม่รับตรวจครับ เพราะคนไข้เยอะ
เค้าเลยมาเลือกโรงพยาบาลเอกชนที่ใหญ่เบอร์ถัดมา
แต่โรงพยาบาลนี้ เค้าไม่ได้รองรับลูกค้าญี่ปุ่นโดยเฉพาะ ระบบการบริการต่างๆ ไม่ได้สะดวกสำหรับคนญี่ปุ่นในการรักษา
แม้ว่าโรงพยาบาลนี้จะมีล่ามญี่ปุ่นอยู่ แต่จำนวนน่าจะไม่เพียงพอต่อการบริการ
ผมในฐานะล่ามเลยถูกใช้ให้มาล่ามให้กับคนญี่ปุ่นคนที่มีผลเป็นบวกท่านนี้
ความเสี่ยงของงาน
ใช่ครับ เสี่ยงเลยครับ เพราะมาแปลให้กับคนที่มีโอกาสที่จะติดโควิดแน่ๆ
และต้องมาโรงพยาบาลที่เป็นพื้นที่เสี่ยง นอกนั้นยังไม่พอตอนที่พาญี่ปุ่นเข้าตรวจPCR ก็น่าจะแวดล้อมด้วยคนที่มีความเสี่ยงทั้งนั้น
เนื่องด้วยสภาวะโควิดระบบของโรงพยาบาลค่อนข้างจะไม่อยู่ในภาวะปกติ เรียกว่าการบริการไม่ดีเอามากๆครับ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขั้นตอนที่ชัดเจนว่าใครมาให้ติดต่อที่ไหน หรือต้องไปที่ไหนต่อ
การตอบคำถามก็ไม่ค่อยดี น่าจะเป็นผลมาจากโควิด เพราะเจ้าหน้าที่เองก็น่าจะกลัวด้วยเหมือนกัน และด้วยปริมาณของคนไข้ที่มาอย่างไม่จำกัด
พอผมถามเกี่ยวกับการมาตรวจPCR ก็ได้รับคำตอบแบบส่งๆ แบบไม่มีรายละเอียด และไม่มีการนำทางมาให้ถึงจุดที่เราจะต้องไป เราเองต้องคลำหาทางเอง โดยสอบถามทางไปเรื่อยๆ
ขนาดเป็นโรงพยาบาลเอกชนนะครับ
ถ้าคนญี่ปุ่นมาเอง รับรองน่าจะไม่ได้รับการตรวจแน่ๆ เพราะขนาดคนพูดภาษาเดียวกันได้ ยังไม่ได้รับความชัดเจนในการบริการเลย
เงื่อนไขการพิจารณาว่าจะได้รับการตรวจPCR หรือไม่
1.ปริมาณผู้ป่วย ถ้าในตอนนั้นจำนวนคิวเต็ม เราก็อาจจะได้คิวรอบบ่าย
ซึ่งในกรณีของผม คนญี่ปุ่นมาตั้งแต่9 โมง ปรากฏว่าคิวรอบเช้าเต็ม เราได้คิวรอบบ่าย (ตอนหลังคนญีปุ่นเค้านั่งรออยู่ที่นั้นจนถึงบ่ายเลยนะครับ และตรวจเสร็จ ได้กลับบ้านตอน 4 โมงเย็น ไม่ได้กินข้าวเที่ยงด้วย เป็นการต่อสู้ที่ยาวนานมาก สำหรับผู้ป่วยโควิดที่มารอการตรวจPCR Test)
2.มีประกันอะไร
ตอนแรกผมสอบถามทางพยาบาล เค้าจะไม่ตรวจให้ด้วยนะครับ ถ้าเราไม่มีประกันสังคม ??????
งงเลยครับ อย่างนี้ต่างชาติจะไปตรวจที่ไหน
แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ที่เค้าเอาใบประกันของญี่ปุ่นไปเค้าตรวจสอบแล้ว ปรากฏประกันของเค้าใช้ได้ เลยให้เค้าตรวจได้
สำหรับประเด็นนี้ ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมคิดว่า การที่เค้าเช็คเรื่องของประกันขนาดนี้
เพราะว่า
หากตรวจแล้วผลเป็นบวก(คือติด) ทางรพ.จะมีภาระในการรับคนไข้เข้ารักษา
หากคนไข้ไม่มีประกัน ก็จะมีความเสี่ยงที่จะเรียกค่ารักษาไม่ได้
เพราะเราก็ไม่รู้ว่าคนไข้ท่านนั้นจะมีเงินค่ารักษาหรือเปล่า
เอกสารและข้อมูลที่คนไข้ญี่ปุนจะต้องเตรียม
1.พาสปอร์ต
2.เบอร์มือถือในไทย
ก่อนที่จะทำการตรวจPCR คุณหมอจะโทรมาสอบถามอาการกับคนไข้ ซึ่งก็รพ.นี้ก็มีล่ามญี่ปุ่นอยู่ เราเองก็ไม่ต้องทำอะไรมาก
ในกรณี ที่คนญี่ปุ่นไม่มีเบอร์ในไทย ก็จะใช้เบอร์ของล่ามในการติดต่อ ซึ่งก็จะมีความเสี่ยงตอนที่เราเอามือถือเราให้คนญี่ปุ่นที่เป็นคนไข้คุย
ผมใช้วิธีเปิดสปีกเกอร์โฟนครับ แต่ยังไงก็ไม่สามารถรักษาระยะห่างได้ครับ ก็มีความเสี่ยง
3.ข้อมูลส่วนสูง น้ำหนัก ที่เราต้องถามญี่ปุ่น
4.ที่อยู่ของโรงแรมที่เค้าพัก
5.อาการของคนญี่ปุ่น
สำหรับคำศัพท์ที่เกี่ยวข้องตอนที่พยาบาลสอบถามคนไข้
体重 たいじゅう น้ำหนัก
身長 しんちょう ส่วนสูง
持病 じびょう โรคประจำตัว
症状 しょうじょう อาการ
咳 せき ไอ
鼻水 はなみず น้ำมูก
熱 ねつ ไข้
だるい ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
入院 にゅういん เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล
レントゲン เอ็กซเรย์
陰性 いんせい ผลลบ
陽性 ようせい ผลบวก
สุดท้าย ท้ายสุด ผมก็พาญี่ปุ่นตรวจได้จนเสร็จ ใช้เวลาตั้งแต่มาถึงจนได้กลับประมาณ 7 ชั่วโมงได้
เพราะญี่ปุ่นเค้าเลือกที่จะนั่งรอในรอบเช้าแม้ว่าทางพยาบาลจะให้มาอีกทีตอนบ่าย จากการที่คิวรอบเช้าเต็ม
อดทนมากครับ คนญี่ปุ่นทั้งที่ป่วยอยู่ และไม่ได้กินข้าวเที่ยง และอากาศก็ค่อนข้างร้อน
ส่วนผมหลังจากนั้นก็กลับมาสวอป หลายครั้งอยู่ แม้ว่าผ่านมา 5 วันแล้วก็ยังอยู่ไม่ขึ้นผลบวกครับ ถือว่ารอดไปครับ
สำหรับใครที่สนใจว่าช่วงโควิดวิกฤตแบบนี้งานล่ามหาค่อนข้างยาก ผมเอาตัวรอดยังไง ลองเข้ามาอ่านที่บทความนี้นะครับ
ผมมีเพจเฟซบุ๊คเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับล่ามญี่ปุ่นอยู่นะครับ เข้ามากดติดตามกันได้นะครับ
Facebook Comments Box