งานล่ามญี่ปุ่นลำบากสุดคือช่วงแรกของการทำงาน

งานล่ามญี่ปุ่นลำบากสุดคือช่วงแรกของการทำงาน

แชร์บทความนี้

งานล่ามญี่ปุ่นลำบากสุดคือช่วงแรกของการทำงาน

พอจบจากมหาลัยมา ผมเชื่อว่าหลายคนน่าจะเจอเหมือนๆกันในงานล่ามญี่ปุ่น คือ

“แปลไม่ได้เลย”

สิ่งที่เราเรียนมาจากโรงเรียน แทบจะใช้อะไรไม่ได้เลยในที่ทำงาน

ศัพท์ต่างๆที่ใช้ในงาน เราแทบไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ต้องมาเรียนรู้ใหม่ เรียนรู้ประกอบคำไทยและญี่ปุ่นใหม่

แม้แต่คนที่ไปเรียนได้N1 มาจากญี่ปุ่น ก็ยังมีเลย ที่โดนด่า ทั้งๆที่เค้าเก่งมากเลยนะครับ

 

สังคมในที่ทำงานเมื่อมีเรื่องอะไร เค้าก็จะเม้ามอยกัน

เมื่อเราล่ามไม่ค่อยได้ ก็เป็นประเด็นให้คนเค้าเม้ากัน ผมโดนนินทาลับหลังเพราะ เราล่ามไม่ได้  ถูกว่าลับหลัง

ในงานบางครั้งเราก็ทำให้คนอื่นเค้าลำบากเหมือนกัน จากการที่เราทำงานไม่ได้

เพราะลองคิดดู ว่าถ้าเราฟังไม่รู้เรื่องเลย ไปแปลมั่วๆ คนทำงานเค้าก็ลำบาก

หรือเราพอฟังออกแค่คร่าวๆ เค้าก็ทำงานแบบผิดๆถูกๆ 

ก็ไม่แปลกอะไรที่เราจะโดนเค้าวิจารณ์ต่อว่า 

 

แต่ข่าวดี คือ “ช่วงเวลาแรกแสนทรมานนี้มีวันสิ้นสุด”

 

ขอให้คิดเสมอว่าไม่นานมันก็จะผ่านไป

แต่ละคนก็จะมีเวลาในการก้าวข้ามไม่เหมือนกัน บางคนพื้นฐานแน่นมากก็ไม่นาน บางคนก็จะนานมาก

ถ้าเป็นคนที่ไม่ได้ไปเรียนที่ญี่ปุ่น และไม่ได้เก่งภาษาญี่ปุ่นแบบตัวผมเอง ก็ใช้เวลาประมาณ 4 ปี ถึงจะพอที่จะแปลได้ในหลายๆประโยค พอเป็นล่ามได้ในระดับงูๆปลาๆ  (ผมนี้เรียกว่าการพูดและฟังแย่มากเลยนะครับ ชนิดแบบยังงงว่ามาเป็นล่ามได้ยังไง)

เมื่อถูกให้ลองล่ามดูครั้งแรก

งานแรกๆของผมไม่ใช่ล่ามญี่ปุ่นนะครับ เพราะแค่คุยกับญี่ปุ่นให้รู้เรื่องสักเรื่องยังยากมากเลย สกิลญี่ปุ่นผมอ่อนมากทั้งที่จบเอกภาษาญี่ปุ่นมา

งานในตอนนั้นผมเป็นคิวซี บวกเซล คอยไปดูงานตามโรงงานไทย เพื่อเช็คสินค้าก่อนส่งไปที่ญี่ปุ่น

มีอยู่ครั้งที่คนญีปุ่นไปตรวจงานด้วยและอยากจะประชุมเล็กๆน้อย

ปกติจะมีเซลรุ่นพี่ที่พูดญี่ปุ่นได้ เค้าจะคอยแปลประชุมให้ 

ส่วนผมทำหน้าที่แค่คอยประสานงานเล็กๆน้อยๆ เพราะสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้แค่ต่อยหอยจริงๆ

วันนั้นนายอยากลองให้ทำดู เพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร 

พอนั่งข้างนายปุ๊บ ตัวสั่นเลยครับ

และบอกเลยว่า ร่วงตั้งแต่ประโยคแรก ไม่เข้าใจอะไรเลย แปลได้ 0% ครับ 

สุดท้ายก็เปลี่ยนกลับ นายญี่ปุ่นใช้ภาษาอังกฤษคุยเอาแทน

อย่าเปรียบเทียบกับคนอื่น

เมื่อคุณเล่นเฟสบุ๊ค คุณจะได้เห็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน อัพเดทเรื่องราวต่างๆ

เห็นความก้าวหน้าในงานของแต่ละคน บางครั้งก็เห็นถึงเงินเดือนด้วย

เราจบจากที่เดียวกันกับเพื่อน เกรดก็ไม่ต่างกัน แต่ผลของการแปลของเรากับของเพื่อนต่างกัน 

ถ้าเราเก็บมาคิดแล้วทุกข์ใจ ผมแนะนำว่าอย่าเข้าไปดูเลยครับ การอัพเดทของเพื่อนคนนี้ ข้ามได้ให้ข้ามไป

ถ้าเราคิดว่าเรากับเค้าต่างกันขนาดไหน แล้วทุกข์ใจ จะมีผลต่อจิตใจเรามาก

ต้องเข้าใจว่าแต่ละคนไม่เหมือนกัน การพัฒนาของแต่ละคนไม่เท่ากัน

และสภาพแวดล้อมในที่ทำงานก็ต่างกัน เพื่อนเราอาจจะเจอนายที่ดี แต่เราอาจจะเจออีกอย่าง

ลักษณะการฝึกก็ต่างกัน พรสวรรค์ก็ต่างกัน

 

อย่าเปรียบเทียบกับคนอื่นนะครับ แต่ละคนไม่เหมือนกัน  

 

เพราะถ้าเราเอาตัวเองไปเทียบกับคนอื่น จะทำให้ท้อ และอาจจะเลิกกลางคัน ก่อนที่จะเก่งได้

 

ขอให้ถึกให้พอที่จะผ่านช่วงแรกไปให้ได้

การที่เราอยู่ในสถานที่ทำงานที่ได้ใช้ภาษาญี่ปุ่น อยู่เสมอๆ ยังไงๆก็ต้องเก่งขึ้นอยู่แล้ว

พอลองย้อนกลับมามองผิดคิดว่า สิ่งที่สำคัญในการจะผ่านไปได้คือ

ความถึก  ครับ

อาจจะฟังดูกำปั้นทุบดิน แต่มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

เราต้องอึด ถึก ทน มองโลกในแง่ดี ให้เกียรติตัวเองเยอะๆ

กำลังใจสำคัญมากๆครับ

อาชีพนี้ไม่รู้เป็นอะไร เป็นเป้าให้กับการโดนคอมเพลน การโดนด่า การโดนแกล้ง โดนดูถูก เป็นประจำ

ช่วงที่ผมทำงานใหม่ๆ รับไม่ค่อยได้เลย กับการถูกตำหนิ

และเราคาดหวังกับตัวเองสูงด้วย พอเห็นผลงานตัวเองแล้วก็ผิดหวัง คือเป็นล่ามไม่ได้เลย

ขอให้จำไว้ในใจไว้ว่า ไม่นานมันก็จะผ่านไป

สิ่งที่สำคัญที่สุดในการที่จะผ่านช่วงแรกนี้ไปได้คือ ใจครับ

แน่นอนว่าเราก็ฝึกทางด้านภาษาอยู่อย่าให้ขาด ซึ่งผมจะไม่แนะนำในบทความนี้ เพราะชื่อว่าการฝึกฝนในปัจจุบันทำได้หลายแบบ แต่ในบทความนี้จะขอแนะนำในเรื่อง ทัศนคติ นะครับ

แต่ทุกครั้งที่เจอคนว่า คอมเพลน หรือแกล้งเหน็บแนมเรา

ให้ทำใจให้แข็ง ถึก อึด

อย่าดิสเครดิตตัวเอง ให้เกียรติตัวเองมากๆ

มันเป็นกระบวนการปกติที่จะผ่านกำแพงช่วงแรกไปจนกว่าจะเริ่มแปลได้

ปลายทางของอาชีพนี้ทำเงินได้เยอะทีเดียวนะครับ จริงๆไม่ต้องปลายทางหรอก แค่ผ่านระดับต้นไปได้ เงินครึ่งแสนก็หาไม่ยากแล้วครับ

ข้อดีของอาชีพนี้คือ ยังไม่ต้องเก่งสุดๆก็มีฐานเงินเดือนที่ค่อนข้างเยอะแล้ว ยังไม่นับว่าจะเอาไปต่อยอดเป็นระดับผู้บริหาร

ในทุกวันนี้ผมได้เงินในระดับผู้บริหาร หรือเยอะกว่าผู้บริหารในหลายองค์กรเลยนะครับ

โดยที่ผมไม่ได้เป็นสุดยอดอะไรเลยในวงการ เรียกว่าเป็น ระดับกลางๆน่าจะได้

และผมเห็นน้องๆหลายคนก็เงินเดือนเท่าๆผมเลย เพราะราคาตลาดของอาชีพนี้ค่อนข้างสูง

อย่าพึ่งถอดใจล้มเลิกนะครับ ทนอีกแค่สักหน่อย ผลตอบแทนมันดีครับ

เพียงแต่ช่วงแรกนี้แหล่ะ ที่ทรมานที่สุดแล้ว และอาจจะไม่ค่อยมั่นใจในปลายทางว่าเราจะทำได้มั้ย

แต่ภาษาใครก็เก่งได้ เคยเห็นคนพูดภาษาไทยไม่ได้มั้ยครับ ถ้าอยู่ในไทย

เหมือนกันครับ อยู่กับ บริษัทญี่ปุ่นทุกวัน เรียนรู้ทุกวัน มันต้องเก่งเข้าขั้นสักวันแหล่ะน่า

แน่นอนว่าเราไม่หยุดเรียนรู้นะครับ แต่กำลังใจสำคัญมาก เพราะมันทำให้เราตัดสินใจว่าเราจะไปต่อ หรือหยุดลง

เน้นครับ อึด ถึก ทน ให้ได้ครับ

 

ตอนเราจบมาเราอย่าพึ่งคิดว่าเราต้องแปลได้นะครับ อย่าพึ่งมีทิฐินะครับ ว่าเราจบญี่ปุ่นมาเราต้องเทพต้องแปลได้คล่อง

ผมเป็นคนนึงครับ ที่รู้สึกแย่ตอนที่จบออกมาแล้วแปลไม่ได้ ทั้งๆที่มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย แต่เราตั้งความหวังกับตัวเองไว้สูง และพอแป๊ก คุยไม่รู้เรื่อง เริ่มโทษตัวเอง รู้สึกไม่ดี ทรมาน

ผมสรุปให้เลยครับ เป็นเรื่องธรรมดาครับ ที่ในช่วงแรกเราจะแปลไม่ได้ แต่ไม่นานมันก็จะผ่านไป

 

อย่าว่าแต่ล่ามจบใหม่เลยครับ ล่ามที่ทำงานมาหลายปีพอเปลี่ยนหน้างานก็ต้องจูนกันใหม่ครับ 

อย่างผมถ้าทำงานในวงการใหม่ หรือแค่เปลี่ยนโรงงาน ก็ต้องปรับตัวครับ เนื้อหางาน คำศัพท์ของในงานๆนั้น 

 

แต่ก่อนจะผ่านช่วงเวลานั้น ผมว่าสัก 5 ปีครับ เชื่อว่าเราจะแปลได้ดีพอสมควรครับ 

และพอเราแปลดี ทำงานได้ ความสัมพันธ์และท่าทีของคนอื่นที่มีต่อเราจะเปลี่ยนไป


แชร์บทความนี้
Author: hailamloa
ล่ามภาษาญี่ปุ่นที่ชอบเรื่องธุรกิจ การลงทุน อสังหา บอร์ดเกม เล่นเกม เล่นหมากรุก

5 thoughts on “งานล่ามญี่ปุ่นลำบากสุดคือช่วงแรกของการทำงาน

  1. ขอบคุณมากๆสำหรับบทความดีๆครับ มีกำลังใจขึ้นมากๆเลยครับ

  2. มีกำลังใจขึ้น ตอนนี้คล้ายจะแพนิคและเสี่ยงซึมเศร้าระดับปานกลางกับความpain ที่ได้จากประสบการณ์ไม่ดีเรื่องล่ามค่ะ
    ขอบคุณมากค่ะ

    1. เรื่องจริงเลยครับ
      พอผ่านไปได้เราจะเริ่มดีขึ้นครับ มีเรื่องที่เราแปลได้มากขึ้นครับ
      พอฝึกฝนมากขึ้น ผ่านประสบการณ์มามากขึ้น ความมั่นใจจะมากขึ้นครับ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *