จากบทความครั้งที่แล้วในครั้งนี้ผมจะมาอัพเดทสถานการณ์อีกครั้งนะครับ
ภาพรวมของยอดขายในปีนี้(2024) จากสถานการณ์ของจนถึงเดือน ต.ค. ของบริษัทผมที่เป็นผู้ผลิตเบรคให้กับค่ายรถยนต์แบรนดังต่างๆ เช่น อีซูซุ มิตซึบิชิ นิสสัน
ในปีนี้ยอดขายโดยรวมของบริษัทยังไม่ตกมาก อาจจะลดลงกว่าแผนแต่ไม่มาก
ในส่วนของกำไรนั้น บริษัทผมใช้ความสามารถในการลดต้นทุนและสร้างประสิทธิภาพในการทำงาน จึงทำให้รักษากำไรไว้ได้ ไม่มากไม่น้อยไปกว่าปีที่แล้วเท่าไหร่
แต่งานของพนักงานค่อนข้างแน่นไปเกือบทุกแผนก
ขนาดงานล่ามของผมเองและคนอื่นๆในบริษัท ค่อนข้างแน่นมาก เรียกว่าเค้าใช้ล่ามต่อคนได้คุ้มค่ามาก
จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของผม ล่ามจะเป็นอาชีพที่มีเวลาว่างๆค่อนข้างเยอะ ต่อวันจะมีเวลาใช้ในการทำงานเฉลี่ยประมาณ 2-4 ชั่วโมงเท่านั้น
แต่ที่นี่ค่าเฉลี่ยของผมประมาณ 5-7 ชั่วโมง และไม่ได้ให้ทำแต่งานล่ามอย่างเดียว มีงานประจำอย่างอื่นที่ต้องทำด้วย
อีกทั้งลดจำนวนล่ามลงโดยที่ปริมาณงานไม่ลด
จากข้อมูลที่ได้รับจากลูกค้าในปีหน้าสถานการณ์ก็น่าจะยิ่งลำบากขึ้นไปอีก
เพราะแบรนด์รถยนต์ญี่ปุ่นเองก็มีแต่แผนลดกำลังการผลิต
โรงงานของผมเองรับมือด้วย Shutdown การผลิต(หยุดการผลิตในบางวัน) และลดจำนวนพนักงานลง
และเริ่มพิจารณาแผนการทำงานแค่ 4 วันต่อสัปดาห์ และลดคนแบบถาวรโดยใช้เทคโนโลยีมาช่วย
สำหรับแผนการลงทุน ยังคงไม่ลดการลงทุนแบบรัดเข็มขัดเต็มที่ยังมีใช้งบทำอะไรที่ไม่ได้ส่งผลต่อยอดขายโดยตรงอยู่
บริษัทของผมถือว่ายอดขายและกำไรใช้ได้นะครับ ระบบการทำงานในบริษัทก็ถือว่าเสถียรมากๆบริษัทนึง
เป็นบริษัทที่เท่าที่ดูไม่เคยขาดทุนเลยในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา
ก็ยังรู้สึกว่ามีโอกาสที่จะขาดทุน จนถึงจะเจ๊งได้อยู่เหมือนกัน
ที่ผ่านมาในบริษัทอื่นๆที่ผมเคยทำมา
ผมพบว่าการบริหารจัดการแย่กว่านี้เยอะมาก
แม้ว่าบริษัทจะประสบปัญหาขาดทุนซะเท่าใด พนักงานก็ยังทำงานแบบไม่ค่อยมีประสิทธิภาพอยู่เท่านั้น
มีพนักงานหลายคนที่จ้างมาแล้วไม่ค่อยมีงานทำ ทำงานแบบสบายๆมากๆ รับโบนัสสบายๆไป
สำหรับพนักงานค่อนข้างสบาย แต่คงจะยากที่จะเปลี่ยนอนาคตของบริษัท
แม้ว่าจะทำงานสบายๆ แต่โอกาสที่จะก้าวหน้าคงจะยากที่จะได้รับจากบริษัทที่ไม่มั่นคง
หากมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงในอนาคตจะมาเล่าให้ฟังอีกครับ
ขนาดบริษัทที่บริหารค่อนข้างเก่งแบบบริษัทผม ยังลำบากมากๆเลยครับ
อุตสาหกรรมรถยนต์ญี่ปุ่นลำบากจริงๆ หลังจากนี้คงเป็นยุคที่ไม่สบายเท่าไหร่แล้วสำหรับอุตสาหกรรมนี้