ในช่วงปี 2024 เดือน มิ.ย. ผมเริ่มสัมผัสได้กับปัญหาของธุรกิจรถยนต์อยางโดยตรง
ตั้งแต่ช่วงหลังโควิดมา ผมคอยอัพเดทสถานการณ์ในอาชีพล่ามภาษาญี่ปุ่นของผมไปบ้างนะครับ
หลังโควิดงานส่วนใหญ่กลับมาค่อนข้างเยอะ แม้ว่าเรทจะตก หางานได้ยากขึ้นบ้าง แต่ก็ยังหางานได้
แต่โดยรวมยังถือว่าเป็นอาชีพที่ให้เงินที่ดีอยู่ สามารถยึดเป็นอาชีพที่ เลี้ยงตัวเองได้อย่างไม่ลำบาก
โดยผมยังคงเชื่อว่าน่าจะอยู่ได้ต่อไปอีกอย่างน้อย 20 ปี โดยมีเทรนที่จะเป็นขาลงต่อไปเรื่อยๆ
ทั้งในด้านซัพพลายที่จะมีคนใช้ภาษาญี่ปุ่นที่เยอะมากขึ้นเพราะใช้เทคโนโลยีในการเรียนรู้ และมีสื่อการสอนที่หลากหลาย
ทำให้พัฒนาความรู้ด้านภาษาได้ไม่ยากเท่าเรียนแบบเมื่อก่อน
อีกทั้งด้วยเทคโนโลยี ก็ยิ่งทำให้งานหลายงานของล่ามก็หายไป เช่น งานแปลเอกสาร
เดี๋ยวนี้หากไม่ได้ต้องการความละเอียดมากใช้พี่กู๋ ก็เพียงพอต่อการทำความเข้าใจและสามารถแปลจากภาษาไทยให้เป็นภาษาญี่ปุ่นสื่อสารกลับไปได้อีกโดยที่ไม่ต้องมีความรู้ภาษาญี่ปุ่นเลย
แม้แต่ตัวผมเองก็ยังใช้อากู๋และพี่Chat GPT ยอมรับว่าทำให้งานเราง่ายขึ้นและช่วยในการเรียนรู้ของล่ามเองด้วย แต่แน่นอนว่าไม่ได้ก้อปเอามาทั้งดุ้น
และการแข่งขันเพื่อให้ได้งานล่ามของเอเจ้นซี่ที่รุนแรง ทำให้ราคาค่าล่ามถูกลงขึ้นเรืื่อยๆ
โอกาสที่จะได้งานราคาดีๆก็ยิ่งยากขึ้นด้วย หากคุณไม่มีอะไรที่เหนือกว่าผู้สมัครงานท่านอื่นๆ
เรียกได้ว่า แข่งทั้งกับเทคโนโลยี ในสภาวะที่งานน้อยลง ราคาตกลง และแข่งขันกับล่ามท่านอื่นๆเพื่อให้ได้งานมา และจำนวนผู้เข้าแข่งขันที่เยอะขึ้น อาชีพนี้ไม่ง่ายเหมือน 10 ปีที่ผ่านมาแล้ว
ผมไปสอบวัดระดับ N1 มาหลายครั้งในช่วง 2-3 ปีนี้ ผมว่าจำนวนของผู้เข้าสอบ N1 ค่อนข้างเยอะขึ้นเรื่อยๆ น่าจะมีหลัก 1000 คนอัพ
ซึ่งหมายความผู้เรียนภาษาญี่ปุ่นจำนวนเยอะมาก ที่ได้ระดับN2 2 และจำนวนเยอะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และงานล่ามภาษาญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะต้องการระดับภาษาญี่ปุ่นที่ระดับ N2
แน่นอนว่าการจะทำงานล่ามได้ ไม่ใช่แค่มีความรู้ภาษาญี่ปุ่น ยังต้องมีอีกหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้
และแม้จะเป็นความรู้ระดับภาษาN1 ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ล่ามได้ดีเลย
กลับมาที่เรื่องของสถานการณ์ของอุตสาหกรรมรถยนต์
ด้วยปัญหาเศรษฐกิจหนี้ครัวเรือนคงค้างที่สะสมมานาน ทำให้ธนาคารปล่อยคุมเข้มในการปล่อยกู้ บวกกับงบประมาณของรัฐบาลที่อนุมัติมมาเข้าระบบช้า
ทำให้เศรษฐกิจไทยไม่คึกคัก ผู้ที่ต้องการซื้อรถยนต์กู้ซื้อรถยนต์ยาก ยอดขายรถยนต์เลยตก
บวกกับการเข้ามาของรถยนต์อีวีจีน ด้วยนโยบายลดภาษีส่งเสริมการนำเข้า และเงินสนับสนุนจากรัฐบาลจีนเอง
บริษัทที่ผมทำงานด้วยตอนนี้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ใช้กลยุทธในการลดต้นทุน มีการปิดไลน์การผลิตที่เกินความจำเป็น
ทำให้ในบางเดือนของการทำงานของผมมีวันหยุดเพิ่มขึ้นเกือบ10 วันเลยทีเดียว
โดยบริษัทจะช่วยจ่ายเงินให้ 80% ของค่าจ้างแม้ไม่มาทำงาน
นอกจากนั้นนอกจากบริษัทผม ผู้ผลิตรถยนต์เจ้าดังๆ และผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เทียร์ต้นๆ ก็มีนโยบายให้พนักงานหยุดงานเหมือนกัน
แถมบางเจ้ากำหนดให้มาทำงานแค่ 4 วัน ก็ดี
ฟังดูเหมือนจะดีนะครับ สำหรับพนักงานกินเงินเดือน หากสถานการณ์ไม่ได้บานปลายไปมากกว่านี้
นอกจากเรื่องการหยุดงาน บริษัทของผมเองก็มีนโยบายลดพนักงานออก จำนวนไม่น้อยเลย
แม้ว่าจะไม่ได้ถึงขนาดขาดทุน แต่เค้าลดกำลังการผลิตที่ไม่จำเป็นออก เพราะออเดอร์ของลูกค้าไม่เข้า
ทำให้มีพนักงานที่เกินความจำเป็นเกิดขึ้นหลายอัตรา และไม่รู้จะใช้ทำอะไรให้มีประโยชน์แล้ว
แต่พนักงานที่เค้าลด ไม่ใช่พนักงานประจำนะครับ ยังเป็นพนักงานชั่วคราวอยู่ แต่จำนวนที่ลดนี่เกินจะ 20% ของพนักงานทั้งหมดได้เลย
ที่ไม่เป็นข่าวเพราะบริษัททำอย่างละมุนละม่อม ค่อยๆทำอย่างยุติธรรม คือพนักงานคนไหนที่สัญญาจะหมดก็แจ้งล่วงหน้าว่าไม่มีการต่อ
หรือมีการโยกพนักงานไม่ประจำมาด้วยสัญญาแบบอื่นๆ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยที่ไม่ลดเงินเดือนเค้าตรงๆ
บริษัทของผมเป็นบริษัทที่ไม่ได้ขาดทุนนะครับ แต่เค้าลดต้นทุนเพื่อให้ธุรกิจยังมีกำไรได้แม้ว่ายอดขายจะลดลง
ในทัศนคติของผู้บริหารคนญี่ปุ่นเค้าคิดว่าอย่างไรหรือครับ
เนื่องด้วยของผมเป็นชิ้นส่วนที่แม้กระแสโลกจะเป็นEV ก็ยังคงต้องใช้งานอยู่
แม้ว่าสถานการณ์ในปัจจุบันจะไม่ค่อยดี ผู้บริหารคนญี่ปุ่นยังคงเชื่อมั่นในตลาดเมืองไทยอยู่ ยังคงไม่คิดจะถอยออกจากตลาดในไทย
ในเมื่อทำยอดขายให้เพิ่มขึ้นนั้นทำได้ยากมาก เพราะลูกค้าเองก็อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีเลย
จึงมุ่งเน้นใช้นโยบายลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ
ประกอบกับในปัจจุบัน แม้รถยนต์จีนจะเข้ามา และเปิดโรงงานในไทย แต่จะมีเหลือเพียงไม่พี่เจ้าเท่านั้นที่ยืนหยัด ขายได้ในประเทศไทย
อีกทั้งไม่ใช่ลูกค้าต้องการแต่รถEV ความต้องการในรถยนต์ Hibrid ก็มีเพิ่มมากขึั้นในประเทศอเมริกา
ซึ่งหมายความว่า ผู้บริโภค ก็ยังไม่ได้อยู่ในสภาวะที่จะเลือกEV เพียงอย่างเดียว
เท่ากับว่า EV อาจจะไม่ได้เป็นผู้ชนะ หรืออาจจะไม่ได้ชนะกินส่วนแบ่งทั้งหมดได้ก็เป็นได้
ในสถานการณ์ปัจจุบัน หากจะเลือกรถยนต์คันต่อไป สำหรับผมก็ยังไม่ซื้อรถEV น่ะครับ เนื่องด้วยอยู่คอนโด การชาร์จยังไม่สะดวกเท่าไหร่
และไม่ได้มีพื้นที่ให้จอดรถได้หลายคัน ก็ยังคงขอดูสถานการณ์เรื่องคุณภาพ และสิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้งานของรถEV ต่อไปอีกสักหน่อย ก่อนที่จะซื้อมาไว้สักคัน
ทั้งหมดคืออัพเดทสถานการณ์ และเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ช่วงเวลานึงไว้
ขอให้ทุกท่านโชคดี มีความสุขในการทำงานครับ